
เชื่อว่าหลายท่านอาจกำลังเกิดปัญหา ว่าได้มีการยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (บ้าน) ไปแล้ว แต่ธนาคารไม่อนุมัติ! หรือ
อนุมัติวงเงินมาไม่เพียงพอต่อราคาบ้านที่เราต้องการ จะมีวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไรบ้าง วันนี้ทีมงานบ้านดี จะมาขออธิบาย
ว่าการ “กู้ร่วมคืออะไร” มีส่วนช่วยในการที่ธนาคารจะอนุมัติวงเงินสินเชื่อเพิ่มอย่างไรบ้าง
เบื้องต้นต้องขออธิบายก่อนว่าการ “กู้ร่วม” กับ “ค้ำประกัน” นั้นมีความหมายคนละอย่างกัน การกู้ร่วมนั้น ธนาคารจะนับผู้กู้ร่วม
เป็นเสมือนลูกหนี้คนหนึ่ง และจะนำรายได้ หนี้สิน ประวัติการชำระหนี้ของผู้กู้ร่วมมาร่วมพิจารณาในการอนุมัติด้วย ซึ่งหลังจากสิน
เชื่ออนุมัติแล้ว “ผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วม จะเป็นลูกหนี้ร่วมกัน”
-
ความรับผิดชอบต่อการกู้ร่วม คืออะไร
การกู้ร่วมนั้นหมายถึง ผู้กู้หลัก และผู้กู้ร่วมมีหนี้สินร่วมคนละ
ครึ่ง เช่น วงเงินในการขอสินเชื่อ 1 ล้านบาท เท่ากับผู้กู้หลัก
มีหน้าที่ในการชำระหนี้ 5 แสนบ้าน และผู้กู้ร่วมมีหน้าที่ผ่อน
ชำระ 5 แสนบาท หากคนใดคนหนึ่งชำระหนี้ครบ 1 ล้านบาท
มีสิทธิ์เรียกร้องเงินจากอีกฝ่ายได้ ครั้งนึงของหนี้สิน (คือ 5
แสนบาท) หรือในกรณีที่คนใดคนหนึ่งไม่มีการชำระสินเชื่อหรือ
ขาดการผ่านชำระต่อธนาคาร ธนาคารสามารถเรียกเงินจาก
คนใดคนหนึ่งก็ได้ หรือให้มีสิทธิ์ในการใช้หนี้ร่วมกันก็ได้

-
กู้ร่วมเพื่อเพิ่มวงเงินในการขอสินเชื่อ
ในบางกรณีที่ผู้ขอสินเชื่อมีรายได้ไม่เพียงพอ หรือ ไม่สัมพันธ์กับราคาบ้านที่ต้องการ ผู้ขอสินเชื่อสามารถ “กู้ร่วม”เพื่อให้ธนาคาร
สามารถนำรายได้ของ “ผู้ขอสินเชื่อทั้งสอง” มาพิจารณาต่อวงเงินที่ขอ ว่าสามารถมีกำลังเพียงพอที่จะสามารถผ่อนชำระสินเชื่อ
ที่ขอได้
-
กู้ร่วมกับใครได้บ้าง
ได้แก่ สามี – ภรรยา (กรณีไม่ได้จดทะเบียนสามารถใช้เอกสารอื่นเช่น
ใบแจ้งเกิดของบุตร หรือ ทะเบียนบ้านของบุตร) บิดา – มารดา – บุตร
และ พี่น้องร่วมสายเลือด (พ่อและแม่เดียวกัน)

-
เมื่อผ่อนชำระหนี้ครบแล้ว ทรัพย์จะตกเป็นของใคร
สำหรับข้อนี้ ขึ้นอยู่กับตอนโอนกรรมสิทธิ์ ว่าได้มีการบันทึกชื่อหลังโฉนดเป็นชื่อเป็นคนเดียวที่เป็นเข้าของกรรมสิทธิ์
หรือบันทึกชื่อทั้งสองคนเป็นเข้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน
-
ขอถอนชื่อการจากการกู้ร่วมได้หรือไม่